พฤกษา โชว์ผลดำเนินงานไตรมาส 1/65 กำไรสุทธิ 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ไตรมาส 2/65 เดินหน้าเปิด 9 โครงการใหม่ มูลค่า 5,900 ล้านบาท
นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/65 ว่า ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ความต้องการที่อยู่อาศัยจริงยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะแนวราบในกลุ่มบ้านเดี่ยว
ซึ่งเป็นกลุ่มเรียลดีมานด์ที่เติบโตจากผลกระทบโควิดที่ทำให้คนอยากอยู่บ้านมากขึ้น บริษัททำยอดขายโครงการอสังหาริมทรัพย์รวม 5,344 ล้านบาท รายได้รวม 5,679 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 639 ล้านบาท เติบโตจากไตรมาส 1/64 อยู่ที่ 10% กำไรสุทธิของพฤกษา โฮลดิ้ง (รวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจเฮลแคร์) 552 ล้านบาท มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) 20,200 ล้านบาท แบ่งมารับรู้รายได้ในปี 2565 จำนวน 18,700 ล้านบาท และจะมีโครงการแนวสูงที่สร้างเสร็จพร้อมทยอยโอนในปีนี้อีก 7 โครงการรวมมูลค่า 15,200 ล้านบาท
กลยุทธ์ในปี 2565 นี้ พฤกษามุ่งผสานความร่วมมือระหว่างธุรกิจอสังหาฯ กับธุรกิจเฮลแคร์ โดยมีแผนลงทุนโครงการ Mixed Use ที่จะผสานบริการด้านสุขภาพไว้ในโครงการเดียวกัน ล่าสุดเตรียมเปิดให้บริการศูนย์สุขภาพแห่งแรกในชุมชนพฤกษา ขนาด 50 เตียง ตั้งอยู่ด้านหน้าโครงการพฤกษา อเวนิว บางนา-วงแหวน ในเดือนสิงหาคม 2565 นี้
ขณะเดียวกันได้มีการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ โดยโรงพยาบาลวิมุตร่วมกับ JAS ASSET ก่อตั้งบริษัท Senera Vimut Health Service ทำโครงการ SENERA Senior Wellness บริเวณถนนคู้บอน เป็นศูนย์เมดิคอล ขนาด 5,713 ตร.ม. 4 ชั้น ขนาด 78 เตียง มีแผนเปิดให้บริการในเดือนธันวาคม 2565 นี้
นอกจากนี้ยังได้มีการลงทุนทั้งในไทย ออสเตรเลีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ โดยเป็นกลุ่มธุรกิจประเภทนวัตกรรมด้านการพัฒนาความยั่งยืน (ESG Innovation) ระบบความปลอดภัยในโลกดิจิตอล (Digital Securities) และ เฮลท์เทค พร๊อพเทค ที่รองรับกระแสเทรนด์ที่อยู่อาศัยและการดูแลสุขภาพที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
ในขณะเดียวกันพฤกษาเองก็มีการปรับปรุงกระบวนการทำงานในองค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความรวดเร็วและช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย เช่น นำ Value Engineering หรือ วิศวกรรมคุณค่ามาใช้ ด้วยการนำวัสดุทดแทนที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับวัสดุเดิมมาใช้ ช่วยลดการใช้ซีเมนต์ที่ไม่จำเป็น 15,000 ตัน ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ระบบจัดซื้อจัดจ้างทางอิเล็กทรอนิกส์ และการพัฒนาระบบ Streamline ช่วยลดชั่วโมงการทำงาน 10,400 ชั่วโมง และการบริหารจัดการต้นทุน (Cost Management) เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถประหยัดต้นทุนและค่าใช้จ่ายดำเนินงาน 460 ล้านบาท หรือ 1.4% ของรายได้
สำหรับแผนงานไตรมาส 2/65 พฤกษาฯ มีแผนเปิด 9 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 5,900 ล้านบาท แบ่งเป็นทาวน์เฮาส์ 8 โครงการ บ้านเดี่ยว 1 โครงการ การออกแบบโครงการแนวคิด Tomorrow. Reimagined. ต่อยอดสู่ พฤกษา ลิฟวิ่ง โซลูชั่น ตอกย้ำแนวทางการดำเนินงานพัฒนาคุณภาพที่อยู่อาศัยตอบโจทย์เทรนด์การอยู่อาศัยใน 3 แกนหลัก ประกอบด้วย เทรนด์สุขภาพ (Health & Wellness) เทรนด์ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป (Lifestyle Disruption) และเทรนด์เพื่อความยั่งยืน (Sustainability Development)
และหนึ่งในแกนที่พฤกษาให้ความสำคัญ คือ การออกแบบบ้าน ใส่ใจเพื่อสุขภาพ ( Healthy Home) ซึ่งทางพฤกษาได้ทีมผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลวิมุต เข้ามาร่วมให้คำปรึกษา แนะนำ ในการออกบ้านในแต่ละโครงการ โดยเฉพาะการออกแบบ Universal Design รองรับคนทุกเจนเนอเรชั่นที่อยู่ร่วมกันในบ้าน เช่น
ประตูขนาดใหญ่รองรับรถเข็น บันไดลูกนอนขนาดกว้างขึ้น ช่วยให้ขึ้น-ลงได้สะดวก พื้นภายในดีไซน์เป็นทางเรียบ (Non Step Floor) หมดห่วงเรื่องเดินสะดุด ใช้วัสดุพื้นลดแรงกระแทก (Absorbtion Floor) มาตรฐานญี่ปุ่น เลือกใช้โถสุขภัณฑ์แบบ Senior Ergonomic Design ออกแบบรองรับสรีระผู้สูงอายุ ออกแบบพื้นที่เพื่อส่งเสริมสุขภาพเป็นสวนหินบำบัด (River Healing Stone) เหมาะสำหรับการเดินนวดฝ่าเท้า เป็นต้น
ในฝั่งธุรกิจด้านสุขภาพ โรงพยาบาลวิมุตที่มุ่งให้บริการแบบ New Normal Ecosystem เปิดดำเนินงานครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม ปี 2564 ใช้กลยุทธ์เร่งสร้างการเติบโต (Accelerated Growth Strategy) ทำให้ชื่อโรงพยาบาลวิมุตเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางและรวดเร็วในกลุ่มลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างประเทศจากการให้บริการเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 ส่งผลให้ในไตรมาส 1/65 ธุรกิจโรงพยาบาลวิมุตมีรายได้ 244 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59% เทียบกับไตรมาส 4/64
และจากการปรับโครงสร้างการบริหารโรงพยาบาลเทพธารินทร์ทำให้ธุรกิจด้านสุขภาพได้ส่วนแบ่งกำไร แผนธุรกิจในไตรมาส 2/65 คาดว่ารายได้หลักจะมาจากการดำเนินงานเต็มรูปแบบของบริการด้านการแพทย์ โรงพยาบาลและบริการศูนย์ฟื้นฟูดูแลสุขภาพครอบครัวและผู้สูงอายุ (ViMut Wellness Services) ซึ่งจะพัฒนาไปพร้อมกับโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ของพฤกษาอย่างต่อเนื่องด้วย
16/5/2565 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (16 พฤษภาคม 2565)
