วันที่ 15 สิงหาคม 2566 นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC กล่าวว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 นี้ จะรุกชิงนักท่องเที่ยวในพื้นที่สำคัญอย่าง ภูเก็ตและกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญ ด้วยการเปิดสาขาใหม่ในเดือนกันยายนและพฤศจิกายน 2566 นี้
โดยในเดือนกันยายน จะเปิดศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ สาขาฉลอง ซึ่งจะเป็นแห่งที่ 2 ของจังหวัดภูเก็ต ในวันที่ 20 กันยายนนี้ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีศูนย์การค้ารวมทั้งสิ้น 33 สาขาทั่วประเทศไทย พร้อมกันนี้ยังเตรียมเปิดห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สาขาฉลอง จังหวัดภูเก็ตอีกด้วย
ส่วนเดือนพฤศจิกายน 2566 จะเปิดห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาเวสต์วิลล์ ซึ่งถือเป็นห้างสรรพสินค้าสาขาที่ 76 ของเซ็นทรัล รีเทล และเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ที่ตอบโจทย์ New CBD ของกรุงเทพฯ ต่อเนื่องจากความของศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ สาขาราชพฤกษ์
ภูเก็ต เป็นจังหวัดที่มีรายได้จากนักท่องเที่ยวสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย ส่วนกรุงเทพมหานคร เป็นเมืองท่องเที่ยวติดอันดับ 1 ของโลก จึงต่างเป็นทำเลสำคัญในการตอกย้ำความเป็นผู้นำค้าปลีกในพื้นที่ท่องเที่ยว
นอกจากนี้ภายในปี 2566 นี้ เซ็นทรัล รีเทล จะฉลองเปิด ไทวัสดุ ครบ 80 สาขาทั่วประเทศไทย พร้อมเปิดศูนย์การค้า และไฮเปอร์มาร์เก็ต GO! ในประเทศเวียดนามครบ 39 สาขาทั่วประเทศ
สำหรับผลประกอบการณ์ในช่วง ไตรมาส 2 ของปี 2566 นั้น นายญนน์ ได้สรุปธุรกิจไฮไลต์ในไตรมาส 2/2566 ว่า
กลุ่มแฟชั่น เติบโตกว่า 14% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ในปี 2565 โดยเฉพาะด้านผลิตภัณฑ์ความงาม (Beauty) ที่ยอดขายเติบโตสูงสุดในกลุ่ม และโตเกินกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 เนื่องจากมีการอัพเกรดและนำเข้าสินค้าใหม่ ๆ ในทุก category เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า รวมถึงการขยายร้านค้าในเครือให้มีจำนวนสาขาครอบคลุมทั่วประเทศไทย
พร้อมทั้งพัฒนาออมนิแพลตฟอร์ม และรีโนเวทห้างสรรพสินค้าสาขาต่างๆ เช่น ห้างเซ็นทรัล สาขาลาดพร้าว และพระราม 2 ซึ่งสามารถสร้างยอดขายโตเกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้เป็นอย่างมาก หลังจากมีการปรับปรุงห้าง รวมถึงยังมีการรีโนเวทห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ชิดลม ซึ่งเป็นสาขา Flagship Store ให้เป็น Luxury Destination แห่งใหม่ของประเทศไทยอีกด้วย
ขณะเดียวกันในประเทศอิตาลี ก็ได้แรงหนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่กลับมาเพิ่มขึ้น ทำให้ห้างสรรพสินค้า รีนาเชนเต สามารถสร้างยอดขายเป็น นิวไฮ เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดโควิด-19
กลุ่มฮาร์ดไลน์ ไทวัสดุยังคงมีการเติบโตมากกว่าคู่แข่งในตลาด โดยยอดขายโตถึง 10% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ในปี 2565 จากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง และความสำเร็จของไฮบริด ฟอร์แมท ไทวัสดุ x BnB Home ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้า ด้วยจุดเด่นในเรื่องความครบครันของสินค้าเกี่ยวกับบ้านกว่า 30,000 รายการ พร้อมบริการครบวงจรจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกรูปแบบ ทั้ง B2B และ B2C พร้อมด้วยช่องทางออมนิแชแนลที่สะดวกสบาย ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าวัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้านอย่างครบวงจร
กลุ่มฟู้ด ตอกย้ำความเป็นผู้นำเบอร์ 1 ซูเปอร์มาร์เก็ต และ Food Discovery & Destination ของประเทศไทย โดยมีการขยายสาขาท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ตในไทยอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการพร้อมอัพเกรดเป็นท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ ซึ่งเป็นพรีเมียมฟู้ดสโตร์ที่มีสินค้านำเข้าไม่ว่าจะเป็นอาหาร วัตถุดิบ เครื่องปรุง สินค้าโกรเซอรี่ ขนมและไวน์ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้สมบูรณ์ขึ้น
ด้านธุรกิจในประเทศเวียดนาม บริษัทยังคงครองเบอร์ 1 ในด้านศูนย์การค้า และไฮเปอร์มาร์เก็ต จากการขยายและปรับปรุงศูนย์การค้าต่างๆ โดยเฉพาะไฮเปอร์มาร์เก็ต GO! ที่มี Market share ในกลุ่ม FMCG สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีอัตราการเติบโตสูงกว่าภาพรวมตลาดโมเดิร์นเทรดถึง 2 เท่า
ขณะเดียวกันบริษัทยังคงรุกตลาดซูเปอร์มาร์เก็ตในเวียดนามเต็มที่ ด้วยการขยายโมเดล mini go! ให้มีสาขาครอบคลุมทั่วเวียดนาม เพื่อรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล ย้ำว่า ด้วยความสำเร็จนี้และการขยายพอร์ตให้เติบโตครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจในประเทศไทย เวียดนาม และอิตาลีรวมถึงการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ในช่วงครึ่งปีแรกของ 2566 เซ็นทรัล รีเทล สามารถกวาดรายได้ถึง 123,208 ล้านบาท (+9% YoY) และกำไรสุทธิ 4,002 ล้านบาท (+37% YoY) พร้อมทั้งปิดไตรมาส 2 ได้อย่างแข็งแกร่ง ด้วยรายได้รวม 60,002 ล้านบาท (+6% YoY) และกำไรสุทธิ 1,690 ล้านบาท (+5% YoY)
15/8/2566 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 15 สิงหาคม 2566 )