ผู้ว่าฯ กทม. คนที่ 17 เข้าห้องประชุมนัดแรก ที่ศาลาว่าการ กทม. เสาชิงช้า ร่วมกับบริษัท กรุงเทพธนาคม กรณีสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว
วันที่ 2 มิถุนายน 2565 ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เสาชิงช้า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ปฏิบัติภารกิจ หลังได้รับการรับรองผลอย่างเป็นทางการ เป็นวันที่ 2 ด้วยการประชุมร่วมกับ นายเกรียงพล พัฒนรัฐ กรรมการผู้อำนวยการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการนำสายไฟฟ้าและสายสื่อสารลงใต้ดิน และความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว
ข้อสรุปเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียว
นายชัชชาติ ให้สัมภาษณ์เรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียว สรุปได้ ดังนี้
จะดำเนินการให้มีข้อสรูปแนวทางแก้ปัญหาภายใน 1 เดือน
ต้องการเร่งคืนหนี้ให้กับรัฐ และ กทม.ต้องการเดินรถเอง
ภาระหนี้สินสะสมที่ กทม. มีต่อบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด หรือ BTS 40,000 ล้านบาท หากเป็นไปได้อยากโอนหนี้ คืนกลับไปที่
กระทรวงคมนาคม ซึ่งเคยดูแลภาระหนี้การเดินรถในหลายสัญญาสัมปทาน
เห็นรายละเอียดของสัญญาการเดินรถแล้ว จะสิ้นสุดในอีก 20 ปีข้างหน้า คือปี 2585
พิจารณาว่าหนี้ เกิดจากสัญญาที่ได้อนุมัติจาก สภา กทม.หรือไม่
กทม.สามารถกู้เงินมาชำระหนี้ได้ แม้ดอกเบี้ยจะขึ้นทุกวัน โดยแนวทางจะกู้จากรัฐเพื่อได้ดอกเบี้ยต่ำ
การแก้สัมปทานที่จะสิ้นสุดปี 2572 ยังไม่ได้หารือ แต่การต่อสัญญาที่เกิดจากคณะกรรมการ ตาม ม.44 ควรเป็นไปตามความเห็น สภา กทม.
การลดค่าโดยสารเหลือ 25 บาท ทำได้ แต่ต้องเก็บค่าโดยสายส่วนต่อขยายทั้ง 2 เส้นทางหมอชิต-คูคต และแบริ่ง-สมุทรปราการ เพื่อลดภาระหนี้ ปัจจุบันให้บริการฟรี ไม่สมเหตุสมผล
งบประมาณ ที่ ผู้ว่าฯ กทม.จะได้ใช้
สำหรับงบประมาณ ที่มีการกล่าวกันว่าเหลือใช้ได้ 94 ล้านบาทนั้น บางส่วน นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัด กทม. ได้ออกมาชี้แจงว่า
ขณะนี้เหลืองบประมาณปี 2565 ซึ่งเป็นเงินสะสมที่สามารถใช้ได้ 10,000 ล้านบาท
มีงบกลางเหลืออีกประมาณ 100 ล้านบาท เพียงพอสำหรับการทำงาน
รายการงบกลาง มีทั้งสิ้น 14,417.7 ล้านบาท สามารถใช้ได้ 104 ล้านบาท
งบฉุกเฉิน จาก 500 ล้านบาท เหลือใช้ได้ 67 ล้านบาท
งบน้ำท่วม จาก 100 ล้านบาท เหลือใช้ได้ 10 ล้านบาท
งบพัฒนา กทม.จาก 550 ล้านบาท เหลือใช้ได้ 27 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามในปีงบประมาณ 2565 กทม.มีงบประมาณ 79,855.2 ล้านบาท ส่วนงบประมาณอุดหนุนจากรัฐบาล ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2566 ซึ่งกำลังจะผ่านวาระ 1 มีวงเงิน จำนวน 22,284.3 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2565 ที่ได้งบอุดหนุน 20,634.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1,649.6 ล้านบาท คิดเป็น 8%
ส่วนเรื่องการย้ายสายไฟลงดิน มีรายงานว่าโครงการดังกล่าวมีการตั้งงบประมาณ วงเงิน 1.9 หมื่นล้านบาท ทำให้มีปัญหาเรื่องการหารายได้ จึงไม่มีความคืบหน้า เพราะเป็นโครงการที่ลงทุนจำนวนมาก ขณะเดียวกันปัจจุบันยังหาผู้เช่าท่อร้อยสายระบบสาธารณูปโภคไม่ได้ ทำให้ไม่มีรายได้ จึงต้องดูรายละเอียดในการทำสัญญาอีกครั้ง เพราะหาก กทม. คิดค่าเช่าท่อร้อยสายแพง ผู้เช่าจะไปคิดค่าบริการกับประชาชน ทำให้ภาระจะตกไปอยู่กับประชาชน
2/6/2565 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (2 มิถุนายน 2565)
