
ภูเก็ต เดินหน้าแผนเวนคืนที่ดิน 3,000-4,000 ไร่ รองรับโครงการพัฒนาเมกะโปรเจ็กต์ อันดามัน แอร์พอร์ต สนามบินภูเก็ตแห่งที่ 2 ลงทุนรถไฟเชื่อมต่อเส้นทางจากสุราษฎร์ฯ-ไปสนามบินแห่งใหม่ตามโมเดลสิงคโปร์ พร้อมดันร่างกฎหมาย ภูเก็ตมหานคร ทวงคืนภาษี 20,000 ล้าน ไมเนอร์ อินเตอร์ฯ กลุ่มทุนรายใหญ่ประกาศหนุนเต็มที่
นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า ภูเก็ตกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ โดยมีโครงการพัฒนาขนาดใหญ่กำลังดำเนินควบคู่กันหลายโครงการ โดยเฉพาะการเตรียมเวนคืนที่ดินจำนวน 3,000-4,000 ไร่ เพื่อรองรับโครงการพัฒนาระดับเมกะโปรเจ็กต์ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือโครงการพัฒนาสนามบินอันดามัน (Andaman Airport) หรือสนามบินภูเก็ต แห่งที่ 2 ที่มีแนวโน้มเกิดขึ้นสูงถึง 80-90% ตามการประเมินของผู้เกี่ยวข้องระดับนโยบาย
โสภณ สุวรรณรัตน์
รวมถึงการวางแผนเชื่อมต่อระบบรถไฟจากสุราษฎร์ธานีสู่ภูเก็ต ตรงไปยังสนามบินแห่งใหม่ ซึ่งแนวคิดการออกแบบอาจมีการเดินรถไฟลอดใต้สนามบิน เช่นเดียวกับรูปแบบของสนามบินในประเทศสิงคโปร์
แม้ยังไม่สามารถกำหนดกรอบเวลาแน่ชัดได้ แต่เมื่อการเวนคืนแล้วเสร็จ โครงการก่อสร้างต่าง ๆ ก็พร้อมจะเดินหน้าอย่างเต็มรูปแบบทันที นายโสภณกล่าว และว่า
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กำลังพิจารณาเรื่องการออกแบบพื้นที่ใช้สอย เพื่อให้สนามบินอันดามันเป็นจุดรวมของระบบโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางบกและอากาศ ซึ่งจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจและเมืองครั้งใหญ่ในภูมิภาคนี้
ดันต่อ ภูเก็ตมหานคร
นายโสภณกล่าวด้วยว่า ไม่เพียงเท่านี้ จังหวัดภูเก็ตยังมีหมุดหมายสำคัญอีกด้านหนึ่งคือ การผลักดันให้เกิด ภูเก็ตมหานคร ซึ่งเป็นรูปแบบการปกครองท้องถิ่นพิเศษ (Local Government in Special Form) เช่นเดียวกับกรุงเทพมหานคร โดยขณะนี้ภาคประชาชนได้นำร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการภูเก็ตมหานครไปยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้ว
ขั้นตอนถัดไปคือ การรวบรวมรายชื่อประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในภูเก็ตให้ครบ 10,000 รายชื่อ เพื่อประกอบการยื่นกฎหมายฉบับนี้ตามรัฐธรรมนูญ พร้อมเข้าสู่การพิจารณาในวาระแรก (รับหลักการ) จากนั้นจะตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อศึกษารายละเอียดในวาระที่ 2 ต่อไป
ร่างกฎหมายฉบับนี้เสนอให้โครงสร้างบริหารใหม่ของภูเก็ตมีอำนาจมากขึ้น มีงบประมาณในท้องถิ่นที่เพียงพอ และไม่ต้องพึ่งพางบประมาณกลางมากเท่าปัจจุบัน นายโสภณกล่าว
ภาษี 2 หมื่นล้านไม่คืนท้องถิ่น
นายโสภณกล่าวอีกว่า หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่จังหวัดภูเก็ตต้องการผลักดันให้เกิดรูปแบบการปกครองพิเศษ คือปัญหาการจัดสรรรายได้ภาษีที่ไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะรายได้ภาษีกว่า 20,000 ล้านบาทที่จัดเก็บจากภูเก็ต แต่ส่งเข้าส่วนกลางทั้งหมด ไม่ได้จัดสรรกลับมาพัฒนาท้องถิ่นอย่างเพียงพอ เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% หากภูเก็ตเป็นมหานครตามกฎหมาย รายได้ภาษีบางส่วนจะสามารถเก็บไว้ใช้ในพื้นที่ได้ เช่นเดียวกับกรุงเทพฯ ที่ได้รับคืนประมาณ 9% ของ VAT ทั้งหมด
วันนี้ภูเก็ตคือลูกคนหนึ่งที่หาเงินให้พ่อแม่ไปเลี้ยงลูกอีก 60-70 จังหวัดทั่วประเทศ แต่กลับไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร
ลุ้นร่างกฎหมายผ่านสภาวาระ 1
นายโสภณกล่าวต่อไปอีกว่า แม้แผนงานดังกล่าวจะมีความคืบหน้าในการเสนอร่างกฎหมาย แต่สถานการณ์ทางการเมืองยังคงไม่แน่นอน หากมีการยุบสภาก่อนเข้าสู่วาระแรกร่างกฎหมายฉบับนี้จะตกไปโดยอัตโนมัติ และต้องเริ่มกระบวนการใหม่ทั้งหมด ยกเว้นในกรณีที่สามารถผลักดันให้ผ่านวาระที่ 1 (รับหลักการ) ได้ทันก่อนยุบสภา ก็จะสามารถพิจารณาต่อในสภาชุดใหม่ได้
ขณะเดียวกัน ยังมีร่างกฎหมายจากวุฒิสภาและพรรคการเมืองที่เสนอในลักษณะเดียวกัน ซึ่งในวาระที่ 2 อาจนำมารวมกันเป็นฉบับเดียว โดยใช้สิ่งที่ดีที่สุดจากแต่ละร่างมาผสานกัน โดยมองว่าโครงการพัฒนาครั้งใหญ่นี้จะสำเร็จหรือไม่นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับภาครัฐเพียงฝ่ายเดียว แต่ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของประชาชนภูเก็ตทุกคน โดยเฉพาะการร่วมลงชื่อสนับสนุนร่างกฎหมาย และติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด
เราจะเดินไปแบบเดิมที่พึ่งแต่ภาคเอกชนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ถึงเวลาแล้วที่ภูเก็ตจะต้องมีโครงสร้างบริหารที่มั่นคงเป็นของตัวเอง และจัดสรรงบประมาณได้อย่างเหมาะสม นายโสภณกล่าว
ไมเนอร์ฯ หนุนเต็มที่
ด้านนายวิลเลียม เอ็ลล์วู้ด ไฮเน็ค (ไฮเน็คกี้) ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) กล่าวเสริมว่า การสนับสนุนให้จังหวัดภูเก็ตมีเงินทุนเพียงพอในการพัฒนาโครงการต่าง ๆ อย่างรอบด้านถือเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งนี้ เพื่อรองรับการเติบโตของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในระยะยาว
สิ่งที่สำคัญมากที่สุดในเวลานี้คือ การทำให้ภูเก็ตมีเงินทุนที่เพียงพอในการเดินหน้าโครงการต่าง ๆ ที่จำเป็น ซึ่งภาคเอกชนเองมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยให้สามารถจัดหางบประมาณ หรือการร่วมกันตรวจสอบให้การใช้จ่ายนั้นเกิดประโยชน์สูงสุดต่อชาวภูเก็ตและชุมชนโดยรอบ นายไฮเน็คกล่าว
เช่นเดียวกับประเด็นแผนการพัฒนาสนามบินแห่งที่ 2 หรือสนามบินอันดามัน ซึ่งเคยมีการพูดถึงโครงการสร้างสนามบินใหม่ที่จังหวัดพังงาที่เห็นด้วยอย่างยิ่ง ทั้งนี้ เพื่อรองรับเที่ยวบินภายในประเทศและสายการบินต้นทุนต่ำ รวมถึงเพื่อช่วยลดภาระของสนามบินนานาชาติภูเก็ตที่ปัจจุบันใกล้จะเต็มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารแล้ว
หากไม่มีสนามบินแห่งที่ 2 ภูเก็ตอาจประสบปัญหาใหญ่ในอนาคต เพราะการเดินทางเข้า-ออกทางอากาศเป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และเราทราบดีว่าโครงการขนาดใหญ่เช่นนี้ใช้เวลาหลายปี ดังนั้น การเริ่มต้นตั้งแต่ตอนนี้จึงเป็นเรื่องเร่งด่วน นายไฮเน็คกล่าว
ภูเก็ตสร้างรายได้จากท่องเที่ยว
นายไฮเน็คกล่าวต่อไปอีกว่า อีกหนึ่งข้อเสนอที่ได้รับความสนใจจากหลายฝ่าย คือการผลักดันให้ภูเก็ตกลายเป็น เขตปกครองพิเศษ ซึ่งจะทำให้จังหวัดมีอำนาจในการบริหารจัดการตัวเองมากขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งพาระบบราชการจากส่วนกลางในกรุงเทพฯ ซึ่งในปัจจุบันทำให้หลายโครงการเกิดความล่าช้าและไม่ตอบโจทย์พื้นที่เฉพาะ
ดังนั้น หากภูเก็ตได้รับสถานะเขตปกครองพิเศษก็จะสามารถแก้ไขปัญหาและความท้าทายต่าง ๆ ได้รวดเร็วขึ้น ไม่ต้องรอความเห็นชอบจากส่วนกลางตลอดเวลา ที่สำคัญคือภูเก็ตสร้างรายได้ให้ประเทศจำนวนมหาศาลจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยว แต่กลับไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณอย่างเหมาะสม
เราพร้อมจะสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการผลักดันให้ภูเก็ตได้รับสถานะที่เหมาะสม และมีระบบบริหารจัดการที่ตอบโจทย์การเติบโตระยะยาว โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของภูเก็ตในอนาคต
8/9/2568 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 8 กันยายน 2568 )