แม็คยีนส์ กางแผนปีบัญชี 2568 (ก.ค. 67-มิ.ย. 68) ขยาย Mc Outlet เพิ่ม 3-4 สาขา พร้อมปรับโฉมสาขาสแตนด์อะโลน 20-30 สาขา เพิ่มไลน์สินค้าเทียบแฟลกชิปสโตร์ เดินหน้า Collaboration พันธมิตรต่อเนื่อง หวังขยายฐานสมาชิก คาดยอดขายปีบัญชี 68 แตะ 4,500-4,800 ล้านบาท
นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC ผู้บริหารแบรนด์สินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ แม็คยีนส์เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานในช่วงปีบัญชี 2568 ว่า บริษัทจะยังเดินหน้าเพิ่มช่องทางการขาย และรีโนเวตสาขาอย่างต่อเนื่อง
โดยมีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 3-4 สาขา ซึ่งน้อยกว่าปีบัญชี 2567 เนื่องจากปัจจุบันมีร้านค้าปลีกครอบคลุมครบทุกจังหวัดแล้ว ด้วยจำนวนสาขาทั้งหมด 573 สาขา แบ่งเป็น Shop 294 สาขา, Mc Outlet 142 สาขา, Consignment 131 สาขา และ Mobile Truck 6 สาขา
ส่วนการรีโนตเวตสาขา จะเน้นสาขาสแตนด์อะโลนประมาณ 20-30 สาขา ด้วยการเพิ่มไลน์สินค้าไลฟ์สไตล์เข้ามาให้มีความคล้ายคลึงกับสาขาแฟลกชิปสโตร์อย่าง เช่น แฟชั่นไอส์แลนด์ เมกาบางนา ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต และเซ็นทรัล เวสต์เกต เป็นต้น
พร้อมเดินหน้าทำ Collaboration กับพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง หลังวันที่ 1 สิงหาคม 2567 เปิดตัวคอลเล็กชั่นใหม่ Mc x Ananda ที่ผสมผสานระหว่างเอกลักษณ์ความเป็นไทยด้วยลวดลายยันต์ไทยในแบบฉบับ My Way ของ อนันดา เอเวอริงแฮม แบรนด์แอมบาสซาเดอร์ของบริษัท กับความเป็นสตรีตแฟชั่นของแม็คยีนส์เข้าด้วยกัน
โดยลวดลายเหล่านี้จะถูกถ่ายทอดลงบนไฮไลต์ไอเท็ม อย่าง เสื้อเดนิมเชิ้ตทรงโอเวอร์ไซซ์ เสื้อยืดแขนสั้นและแขนยาว เป็นต้น ซึ่งจะวางจำหน่ายแบบจำกัดเวลา 6 เดือนเท่านั้น
ตามด้วยช่วงเดือนตุลาคม 2567 จะเปิดตัวแบรนด์แอมบาสซาเดอร์คนใหม่ พร้อมลอนช์สินค้าคอลเล็กชั่นใหม่ออกมาเพื่อสร้างสีสันให้กับตลาดด้วยเช่นกัน
เราเชื่อว่ากลยุทธ์ Collaboration ที่เป็นกลยุทธ์หลักของแบรนด์ จะช่วยขยายฐานลูกค้าได้กว้างขึ้น จากปัจจุบันมีฐานสมาชิกอยู่ประมาณ 1.8 ล้านคน แบ่งเป็นผู้ชายประมาณ 60% และผู้หญิง 40%
นอกจากนี้ บริษัทยังคงเน้นกลยุทธ์คุมเข้มต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการค่าใช้จ่าย พร้อมปรับเกมการตลาดเน้นทำ Product Mix การส่งเสริมการขายผ่านช่องทางออนไลน์และการบริหารช่องทางการจำหน่ายสินค้า เพื่อให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทอยู่ในระดับที่สูงกว่าที่ตั้งเป้าไว้
พร้อมพัฒนาระบบไอที ระบบหลังบ้านให้ดียิ่งขึ้น เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยระยะแรกจะนำเทคโนโลยีมาเก็บดาต้าของลูกค้า และพฤติกรรมในการใช้จ่าย เพื่อให้สามารถนำเสนอสินค้าที่ตอบโจทย์ตลาดมากที่สุด โดยเฉพาะสินค้ารุ่นใหม่ที่จะมีการเปิดตัว
ด้วยแผนการนี้ คาดว่าจะสร้างการเติบโตในระดับเลขสองหลัก โดยตั้งเป้าปิดปีบัญชี 2568 ยอดขายแตะ 4,500-4,800 ล้านบาท และในอีก 2-3 ปีข้างหน้า คาดว่าจะทำยอดขายทะลุ 7,000-8,000 ล้านบาท และมีกำไรประมาณ 1,000 ล้านบาท
ส่วนผลการดำเนินงานของปีบัญชี 2567 (1 ก.ค. 66-30 มิ.ย. 67) บริษัททำรายได้และกำไร เติบโตตามเป้าที่คาดการณ์ไว้ โดยเติบโตอยู่ที่ระดับดับเบิลดิจิต
11/8/2567 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 11 สิงหาคม 2567 )