รพ.วิมุต กางแผนรุกตลาด เตรียมสร้าง รพ.ส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ-รพ.เฉพาะทางเพิ่ม กระดูก-มะเร็ง-สมอง พร้อมเดินหน้าขยาย Ecosystem ด้วยการดึงพันธมิตรร่วมทุนตั้งบริษัทขยายการบริการทางการแพทย์เจาะ รพ.เอกชน-รัฐบาล ประกาศแตกไลน์เปิดร้านขายยา Live well พร้อมเปิด วีไอพีวอร์ด บริการเทียบเท่าโรงแรมหรู เจาะลูกค้ากระเป๋าหนัก-ต่างชาติ ตั้งเป้าสิ้นปีกวาดรายได้ 2,300 ล้าน
นายแพทย์พิชิต กังวลกิจ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลวิมุต จำกัด เปิดเผย ประชาชาติธุรกิจ ว่า ภาพรวมการดำเนินงานของกลุ่มโรงพยาบาลวิมุต ในปี 2566 ที่ผ่านมามีรายได้รวมอยู่ที่ 1,820 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นรายได้จากการบริการทางการแพทย์ของ รพ.วิมุต รวมกว่า 906 ล้านบาท และรายได้จาก รพ.เทพธารินทร์ ซึ่งมีรายได้กว่า 914 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปัจจัยจากจำนวนกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่เข้ามารักษาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้า CLMV อาทิ กัมพูชา พม่า และประเทศจีน ที่เข้ามาใช้บริการใน รพ.วิมุต ดีขึ้น ซึ่งปัจจุบันก็เริ่มมีกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหม่จากประเทศออสเตรเลีย เข้ามาทำศัลยกรรมความงาม ผ่าตัดลดน้ำหนักมากขึ้น และคาดว่าจะมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับทิศทางการดำเนินงานจากนี้ไป รพ.วิมุต ยังคงเดินหน้าสร้าง Ecosystem สำหรับการดูแลสุขภาพแบบเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นทราบกันดีว่า รพ.วิมุต เป็นสถานพยาบาลระดับ Tertiary Care ขนาด 236 เตียง 18 ชั้น ปัจจุบันเปิดให้บริการอยู่ 100 เตียง ปีนี้มีแผนจะขยายเพิ่มขึ้นเป็น 150 เตียง รวมถึงการขยายวอร์ด ด้วยการเปิดเป็น วีไอพีวอร์ดซึ่งจะมีทั้งหมด 20 เตียง แบ่งเป็นห้องซูเปอร์วีไอพี 2 ห้อง และห้องวีไอพี 18 ห้อง เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เริ่มกลับเข้ามามากขึ้น ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการตกแต่งภายใน
สำหรับวีไอพีวอร์ดจะมีการให้บริการที่เป็นเหมือนกับโรงแรมหรูที่มีบัตเลอร์เซอร์วิสให้ โดยจะให้บริการกับผู้ป่วยและญาติผู้ป่วย ทั้งทางด้านของการติดต่อทางธุรกิจ คอมพิวเตอร์ การติดต่อสื่อสาร มีที่นั่งทำงานสำหรับญาติในการใช้ประชุม ซึ่งค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นจะตกคืนละ 1 แสนบาท
นายแพทย์พิชิตกล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ยังมีการร่วมมือกับ บริษัท เค.พี.เอ็น ซีเนียร์ ฮอสปิตัล กรุ๊ป ในการบริหารสถานพักฟื้นสำหรับผู้สูงอายุ ที่กลุ่มวิมุตได้เข้าไปลงทุนไว้ โดยเบื้องต้นเตรียมจะขยาย รพ. ส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ หรือ Long-term acute care ภายใต้แบรนด์ Chersery Home เพิ่มอีก 2 แห่ง ที่วัชรพล และซอยแบริ่ง ซึ่งจะเป็น รพ. ขนาด 59 เตียง ใช้งบฯลงทุนแห่งละ 150 ล้านบาท หลังจากปลายปีที่ผ่านมาได้มีการยกระดับ รพ. ผู้สูงอายุของ กลุ่ม รพ.วิมุต เป็น รพ. แบบ Long-term acute care แล้วที่สาขาบางนา-วงแหวน รวมถึงมีแผนที่จะเปิดเป็น Long-term acute care ขนาดใหญ่ ที่อยู่ในใจกลางกรุงเทพฯ เช่นเดียวกัน
ขณะเดียวกันก็มีแผนจะขยายการลงทุน เพื่อเปิดให้บริการ รพ.เฉพาะทางเพิ่ม 1 แห่ง เพื่อให้บริการด้านออร์โธปิดิกส์ หรือกระดูกและข้อ ซึ่งจะตั้งอยู่ที่ซอยทองหล่อ และโครงการศูนย์การแพทย์ขนาดใหญ่ ที่สุขุมวิท 54 อีก 1 แห่ง ซึ่งประกอบไปด้วย รพ.ทั่วไป และ รพ.เฉพาะทาง ซึ่งคาดว่าอีกประมาณ 2 ปีครึ่งจะเริ่มได้เห็นเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น
และผ่านมาได้มีการซื้อที่ดินเพิ่มประมาณ 10 ไร่ ในย่านปิ่นเกล้า เพื่อเตรียมที่จะขึ้น รพ.ทั่วไป และ รพ.เฉพาะทางอีก 1 แห่ง รวมถึงจะมีการสร้างศูนย์มะเร็งขึ้น ในพื้นที่ด้านหลัง รพ.วิมุต ด้วย ทั้งนี้ นอกจาก รพ.เฉพาะทางที่เตรียมจะเปิดให้บริการในปีนี้ ในอนาคตก็มีแพลนที่จะสร้าง รพ.เฉพาะทางด้านหัวใจ และสมองเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
ขณะที่ในส่วนของ รพ.เทพธารินทร์ก็เตรียมจะรีแบรนดิ้งเป็น รพ.วิมุตเทพธารินทร์ เพื่อให้คนได้รู้จักว่านี่คือโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านเบาหวาน และไทรอยด์ รวมทั้งมีแผนปรับปรุงการบริการและอาคารสถานที่ให้เป็น รพ.ชั้นนำ
จับมือพันธมิตรรุกคืบธุรกิจใหม่
นายแพทย์พิชิตกล่าวต่อว่า ปลายปีนี้มีแผนจะขยายธุรกิจ ด้วยการเปิดร้านขายยาใหม่ 2 แห่ง ภายใต้ชื่อ Live Well สาขาแรกจะเปิดให้บริการบริเวณด้านหลัง รพ.วิมุต และแห่งที่ 2 จะตั้งอยู่ตรงบริเวณด้านหน้า รพ.วิมุต ริมถนนพหลโยธิน ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยจะมีการนำระบบต่าง ๆ เช่น Telepharmacy, Telemedicine และ Teleconsultation เสริมเข้าไปที่ตัวร้าน เพื่อให้ผู้ที่มาใช้บริการสามารถเข้าถึงกับ รพ.ได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น และในอนาคตจะมีโครงการร่วมกับพาร์ตเนอร์ในการเปิดร้านขายยาเพิ่มขึ้นอีกจำนวนหนึ่ง
นอกจากนี้ ที่ผ่านมาได้มีการร่วมลงทุนกับ Pathology Asia Holdings จากประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำให้บริการด้านการวินิจฉัยทางการแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในการนำโนว์ฮาวด้านการวินิจฉัยทางการแพทย์ Genomics และระบบการบริหารแล็บที่ทันสมัย เข้ามาขยายกิจการในไทย โดยใช้ชื่อบริษัทว่า อินโนเควสท์ ไดแอกโนสติกส์ (ประเทศไทย)
เบื้องต้นได้มีการขยายระบบการบริหารแล็บเข้าไปในกลุ่ม รพ.วิมุต และคลินิกเอกชนไปบ้างแล้ว รวมทั้งมีแผนจะขยายบริการแล็บเข้าไปใน รพ.เอกชน หรือคลินิกอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้น โดยจะเริ่มจากในเขตพื้นที่กรุงเทพฯก่อน แล้วค่อยทยอยขยายไปพื้นที่ต่างจังหวัด ซึ่งตั้งเป้าอีก 2 ปีข้างหน้า จะมีรายได้เฉพาะการบริการแล็บอย่างเดียวถึง 2,000 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ ยังเตรียมขยายบริการทางการแพทย์ใหม่ ๆ ด้วยการเข้าไปร่วมทุนกับบริษัท นำวิวัฒน์ เมดิคอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัทผู้ผลิต นำเข้าและจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมทั้งมีบริการทำความสะอาดและฆ่าเชื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ เบื้องต้นจะมีการตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นมา เพื่อให้บริการทำความสะอาดเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ใน รพ.เทพธารินทร์ และ รพ.วิมุตก่อน และหลังจากนั้นถึงจะเริ่มขยายบริการออกไปสู่ รพ.เอกชน และ รพ.รัฐ รวมไปถึงบริษัทเครื่องมือแพทย์ต่าง ๆ
จากแผนการดำเนินงานดังกล่าว คาดว่าในปี 2567 กลุ่ม รพ.วิมุตจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 26% หรือประมาณ 2,300 ล้านบาทโดยทั้งปีคาดว่าจะใช้งบฯลงทุนในส่วนของ รพ.วิมุตประมาณ 15% และ รพ.เทพธารินทร์ ประมาณ 20% ของรายได้ที่คาดว่าจะได้รับ
30/3/2567 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 30 มีนาคม 2567)